แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 55
1
หมอประจำบ้าน: ตาได้รับบาดเจ็บรุนแรง (Severe eye injury)

การบาดเจ็บที่เกิดกับดวงตาอาจมีความรุนแรงมากน้อยต่าง ๆ กันไป หากมีความรุนแรงนอกจากเกิดบาดแผลที่เป็นอันตรายต่อดวงตาโดยตรงแล้ว ยังอาจมีผลแทรกซ้อนตามมาได้อีกด้วย เช่น ต้อหิน ต้อกระจก จอตาลอก เป็นต้น


สาเหตุ

เกิดจากบาดเจ็บที่ตา เช่น ถูกต่อย ถูกตี ถูกหนังสติ๊กยิง รถชน ถูกยิง ถูกแทง เป็นต้น

อาการ

ถ้าไม่รุนแรง อาจมีเพียงรอยฟกช้ำที่ขอบตา หรือมีเลือดออกใต้ตาขาว ซึ่งมักจะไม่มีอาการปวดตา หรือตามัวแต่อย่างใด

แต่ถ้าได้รับบาดเจ็บรุนแรง อาจทำให้เกิดอาการตามืดมัวลงฉับพลัน หรือปวดตารุนแรง ซึ่งอาจเกิดจากมีเลือดออกในช่องลูกตาหน้า (anterior chamber) เลือดออกในน้ำวุ้นลูกตา (vitreous hemorrhage) เลือดออกในจอตา จอตาหรือม่านตาฉีกขาด แก้วตาเคลื่อน แผลกระจกตา เป็นต้น

ถ้ากระจกตาหรือตาขาวทะลุ จะมีของเหลวไหลออกจากลูกตา ถ้าเป็นมากอาจมีเนื้อเยื่อภายในลูกตาออกมาจุกที่แผล พวกนี้มักเกิดจากถูกมีดหรือของมีคมแทง หรือเกิดจากแรงระเบิดจากถังแก๊ส หรือขวดน้ำอัดลม


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าได้รับการกระทบกระเทือนที่ตาอย่างรุนแรง อาจทำให้เป็นจอตาลอก ต้อหิน ต้อกระจก หรือสูญเสียลูกตา


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งอาจพบสิ่งผิดปกติ เช่น รอยฟกช้ำที่ขอบตาหรือมีเลือดออกใต้ตาขาว ภาวะเลือดออกในช่องลูกตาหน้า (ใช้ไฟส่องจะเห็นบริเวณหลังกระจกตามีลักษณะขุ่น หรือมีตะกอนเม็ดเลือดแดงลอยอยู่ในน้ำเลี้ยงลูกตาในช่องลูกตาหน้า) มีของเหลวไหลออกจากลูกตา (กระจกตาหรือตาขาวทะลุ) เป็นต้น

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการตรวจหาความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในลูกตาด้วยเครื่องมือ (เช่น slit-lamp) ส่องตรวจดูภายในลูกตา และอาจทำการตรวจพิเศษ (เช่น เอกซเรย์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าพบว่ามีของเหลวไหลออกจากลูกตา ซึ่งสงสัยว่ากระจกตาหรือตาขาวทะลุ แพทย์จะให้การรักษาตามลักษณะและความรุนแรงของบาดแผล ถ้ารูไม่ใหญ่และยังไม่มีการติดเชื้อ (ได้รับบาดเจ็บนานไม่เกิน 6 ชั่วโมง) ก็อาจทำการเย็บซ่อมแซม หรือลักษณะบาดแผลยังมีทางแก้ไขให้สามารถมองเห็นได้ ก็จะทำการซ่อมแซมดวงตาและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

แต่ถ้าเห็นว่าดวงตามีความเสียหายรุนแรงจนไม่สามารถแก้ไขให้มองเห็นได้ ก็อาจจำเป็นต้องผ่าตัดควักลูกตาออก หรืออาจต้องให้ยากดภูมิคุ้มกัน ได้แก่ เพร็ดนิโซโลน โดยให้ผู้ป่วยกินในขนาดสูง เพื่อป้องกันการอักเสบของผนังลูกตาชั้นกลาง (uveitis) ของตาข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอีกข้างตามมา ซึ่งเรียกว่า ตาอักเสบรุนแรงแบบเป็นร่วม (sympathetic ophthalmia)* ทำให้อาจต้องสูญเสียตา 2 ข้าง

2. ถ้ามีอาการปวดตารุนแรง หรือตามืดมัวลงทันทีหลังได้รับบาดเจ็บ ตรวจพบมีแผลกระจกตา แพทย์จะให้การรักษาตามอาการและให้ยาปฏิชีวนะตามความจำเป็น อาจจำเป็นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลจนกว่าจะทุเลา

3. ในรายที่มีเลือดออกในช่องลูกตาหน้า ผู้ป่วยจะมีอาการตามัว เวลาใช้ไฟส่องจะเห็นบริเวณหลังกระจกตามีลักษณะขุ่น หรือมีตะกอนเม็ดเลือดแดงลอยอยู่ในน้ำเลี้ยงลูกตาในช่องลูกตาหน้า อาการเลือดออกอาจเกิดขึ้นทันที หรือหลังได้รับแรงกระแทก 2-5 วันก็ได้ อาการดังกล่าวเรียกว่า "Hyphema"

ถ้ามีเลือดออกมาก ควรให้นอนพักในโรงพยาบาล ทำการปิดตา ให้นอนพักบนเตียงเป็นเวลา 6-7 วัน เพื่อรอให้เลือดค่อย ๆ ดูดซึมออกไป

ถ้ามีอาการปวดตามาก หรือความดันลูกตาสูง แพทย์จะให้ยาลดความดันลูกตา (เช่น อะเซตาโซลาไมด์) เพื่อป้องกันมิให้กลายเป็นต้อหิน ถ้าจำเป็นอาจต้องผ่าตัด

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้เป็นต้อหินตามมาได้

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของการบาดเจ็บ ถ้ารุนแรงมากอาจมีภาวะแทรกซ้อนทำให้สายตาพิการ หรือสูญเสียดวงตา ถ้ารุนแรงปานกลาง (เช่น แผลกระจกตา เลือดออกในช่องลูกตาหน้า) หากได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรก ก็มักจะหายเป็นปกติหรือป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้

*ภาวะตาอักเสบรุนแรงแบบเป็นร่วม พบในผู้ที่เกิดบาดแผลทะลุของลูกตา (penetrating eye wound) ซึ่งอาจเกิดจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดของแพทย์ก็ได้ เชื่อว่าตาข้างที่เกิดบาดแผลจะมีการปล่อยสารบางชนิดออกมากระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารภูมิต้านทาน ซึ่งจะไปก่อปฏิกิริยาภูมิต้านตนเองต่อตาข้างที่ดี ทำให้เกิดการอักเสบทั่วผนังลูกตาชั้นกลาง รวมทั้งม่านตา (เรียกว่า panuveitis) ซึ่งอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น จานประสาทตาบวม (papilledema) หรือต้อหิน ทำให้สายตาพิการได้ ภาวะนี้พบได้ประมาณร้อยละ 0.2-0.5 ของผู้ที่มีบาดแผลทะลุของลูกตา (บ้างก็รายงานว่าพบน้อยกว่านี้มาก) ส่วนใหญ่มักเกิดหลังบาดเจ็บ 2-12 สัปดาห์ บางรายอาจเกิดหลังบาดเจ็บหลายปี

ภาวะตาอักเสบรุนแรงแบบเป็นร่วม สามารถป้องกันได้โดยการควักลูกตาข้างที่บาดเจ็บออก ซึ่งควรทำภายใน 2 สัปดาห์หลังบาดเจ็บ แต่ในแง่ปฏิบัติ แพทย์อาจลองรักษาตาข้างที่บาดเจ็บและรอดูอาการไปก่อน ขณะเดียวกันก็จะให้ยาสเตียรอยด์ หรือยากดภูมิคุ้มกันอื่น ๆ (เช่น ไซโคลสปอรีน) เพื่อไม่ให้เกิดปฏิกิริยาภูมิต้านตนเองต่อตาข้างที่ดี

ส่วนในกรณีที่เกิดภาวะนี้ขึ้นมาแล้ว การให้ยากดภูมิคุ้มกันรักษาแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้


การดูแลตนเอง

หากตาได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลที่ตา หรือไม่มีบาดแผลแต่มีอาการปวดตา เคืองตา ตาพร่ามัว ควรรีบปรึกษาแพทย์ ดูแลรักษา ปฏิบัติตัว และติดตามการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ

หากได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีรอยห้อเลือดที่ตาขาว ไม่มีอาการปวดตา และมองเห็นได้ชัดตามปกติ ก็ให้การดูแลแบบ "โรคเลือดออกใต้ตาขาว"


การป้องกัน

ระวังอย่าให้เกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บที่กระทบต่อดวงตา

เวลาทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่อดวงตา (ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดต้อหินได้) ควรใส่อุปกรณ์ป้องกันตา


ข้อแนะนำ

หากได้รับบาดเจ็บหรือการกระทบกระเทือนต่อดวงตา ถึงแม้ไม่มีบาดแผลภายนอก ก็อาจส่งผลให้เกิดโรคตาแทรกซ้อน เช่น เลือดออกในช่องลูกตาหน้า แก้วตาเคลื่อน จอตาลอก ต้อหิน ต้อกระจก เป็นต้น ก็ควรเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากมีอาการปวดตา ตาพร่ามัว ซึ่งเกิดหลังได้รับบาดเจ็บทันที หรือเกิดตามมาในภายหลัง ก็ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว

2
การจัดฟันเด็ก ช่วยลดความรุนแรงของปัญหาฟันได้

ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก ถือว่าเป้นสิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะดูแลเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เพราะพ่อแม่ ผู้ปกครองมีหน้าที่สำคัญในการส่งเสริมการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน โดยเฉพาะขณะที่เด็กอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านทั้งตอนเช้าก่อนมาโรงเรียน ตอนเย็นหลังเลิกเรียน และวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่เด็กจะได้อยู่ร่วมกับพ่อแม่ที่บ้าน ดังนั้น พ่อแม่มีหน้าที่ส่งเสริมการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันให้กับเด็ก อย่างเช่น การดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย รวมไปถึงวิธีการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กมีปัญหาฟันผุ ตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่อยู่ในช่วงของการมีฟันน้ำนม พ่อแม่ส่วนใหญ่มองว่า ฟันน้ำนมของลูกนั้น ไม่มีความสำคัญ

เพราะคิดว่า ยังไงก็ต้องหลุดออกไปและมีฟันแท้ขึ้นมาแทนที่ แต่นี่เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะถ้าเด็กมีปัญหาฟันผุตั้งแต่ในช่วงฟันน้ำนม ก็อาจจะทำให้ฟันน้ำนมหลุกก่อนกำหนดได้ นั่นหมายความว่า จะส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้ อาจจะทำให้ฟันมีลักษณะการขึ้นที่ผิดปกติ มีการสบฟันที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดปัญหารุนแรงตามมาในอนาคต เด็กบางคนมีปัญหาฟันรุนแรงมาก ซึ่งวิธรการแก้ไขที่ดีที่สุดก็คือ การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ซึ่งถือว่าเป็นการจัดฟันในเด็กที่สามารถแก้ไขฟันได้แทบทุกกรณี และยังส่งผลดีต่อโครงสร้างของใบหน้าอีกด้วย และที่สำคัญช่วยส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน ช่วยลดความรุนแรงของปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว เพื่อให้บุตรหลานของท่านมีภูมิคุ้มกันและรู้จักวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันได้อย่างถูกต้อง

วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็ก ที่สามารถช่วยลดความรุนแรงของปัญหาฟันของลูกน้อยได้ แต่ก่อนอื่นเราจะมาอธิบายในเรื่องของการจัดฟันในเด็กก่อนว่า ในปัจจุบันนี้เด็กในวัยประถมก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้แล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานของท่านที่มีอายุต่ำว่า 10 ปี มาตรวจกับทันตแพทย์จัดฟันได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่น แนะนำให้พาเด็กอายุ 7-10 ปี ไปตรวจกับทันตแพทย์จัดฟัน เพราะหากพบปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ เด็กวัยนี้ก็สามารถจัดฟันได้แล้ว และเด็กในวัยนี้สามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ในการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็กได้เป็นอย่างดี


ทั้งนี้ การจัดฟันในเด็ก ยังสามารถช่วยทำให้ปัญหาในเรื่องของฟัน ลักษณะฟัน หรือแม้กระทั่งการสบฟันที่มีความผิดปกติที่อาจจะเกิดจากพฤติกรรมในวัยเด็ก ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ อย่างไรก็ตาม การจัดฟันในเด็กที่มีอายุต่ำว่า 10 ปี มักเป็นการจัดฟันบางส่วน มีจุดประสงค์ในการจัดฟันก็เพื่อการรักษาเฉพาะบริเวณ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในเบื้องต้น หรือช่วยลดความรุนแรงของปัญหา ซึ่งเมื่อเด็กโตพอ ก็มักจะต้องจัดฟันทั้งปากต่อไปได้ แต่ต้องบอกว่า เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้โต เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคต หากปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะปัญหาในเรื่องของฟัน เราจะต้องรีบแก้ไข เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาต่อฟันบริเวณข้างเคียงได้

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจอยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถพาบุตรหลานของท่านมาเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันเบื้องต้นได้ที่คลินิก เพระทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านทันตกรรมในเด็ก มีประสบการณ์ในวงการทันตกรรมมาอย่างยาวนาน จึงมั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะทางเราให้คำปรึกษาอย่างถูกต้อง สามารถแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้เด็กได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เด็กได้ทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธีและสะอาดมากที่สุด เพราะเราใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของลูกค้าทุกคน เพื่อที่จะได้มีช่องปากและฟันที่สะอาด มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

3
วัดถ้ำเขาเต่า วัดสวย ไหว้พระทำบุญ ประจวบคีรีขันธ์ พิกัดวิวสวย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ครบ

วัดถ้ำเขาเต่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเชิงเขาในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดกับทะเลและอ่างเก็บน้ำเขาเต่า ทำให้มีทิวทัศน์ที่สวยงาม


จุดเด่นและสิ่งศักดิ์สิทธิ์:

พระพุทธศากยชินมหาราช: พระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่บนยอดสูงสุดของวัด หันหน้าออกสู่ทะเล

พระโพธิสัตว์กวนอิม, พระสังกัจจายน์, พระยูไล: มีรูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้ขอพร

พระบรมสารีริกธาตุ: บางแหล่งข้อมูลระบุว่ามีพระบรมสารีริกธาตุให้สักการะ

จุดชมวิว: สามารถมองเห็นวิวทะเลหาดเขาเต่า เกาะสิงโต และสวนสนประดิพัทธ์ได้อย่างชัดเจน


ข้อควรรู้:

วัดตั้งอยู่ตรงข้ามกับชายหาดเขาเต่า

ด้านล่างวัดมีของขาย เช่น ขนมถ้วย อาหารทะเลแห้ง และของฝาก

สามารถเดินไปตามชายหาดเล็กๆ ที่เรียกว่า หาดทรายน้อย ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเขาเต่าได้

4
อาชีพเสริม การขายอาหารออนไลน์ คำแนะนำสำหรับการตลาดออนไลน์ที่ต้องการสำรวจอาชีพที่ทำกำไรได้นี้

ธุรกิจขายอาหารออนไลน์เติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเติบโตของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและเครื่องมือทางการตลาดดิจิทัล สำหรับผู้ที่ต้องการสำรวจอาชีพที่ทำกำไรได้นี้ การขายของกินออนไลน์เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการตลาดออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงลูกค้าและการสร้างยอดขาย


นี่คือภาพรวมของวิธีเริ่มต้นและทำการตลาดธุรกิจอาหารออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ

เหตุใดจึงควรเริ่มธุรกิจอาหารออนไลน์?
เนื่องจากผู้คนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้นและมองหาความสะดวกสบาย ธุรกิจอาหารออนไลน์จึงเป็นทางเลือกที่ใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นอาหารทำเอง ของว่าง หรือการสร้างสรรค์อาหารที่ไม่เหมือนใคร ธุรกิจอาหารสามารถหาช่องทางในตลาดออนไลน์ที่กว้างใหญ่ได้ นอกจากนี้ การระบาดของ COVID-19 ยังเร่งให้การจับจ่ายซื้อของออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้น และบริการจัดส่งอาหารจึงกลายเป็นตัวเลือกที่ต้องการสำหรับหลายๆ คน

ขั้นตอนในการเริ่มขายอาหารออนไลน์

ค้นคว้าเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ: ระบุรายการอาหารที่คุณต้องการขาย อาจเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่เบเกอรี่ อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารแปลกใหม่ หรือแม้แต่ขนมขบเคี้ยวบรรจุหีบห่อ สิ่งสำคัญคือการค้นหากลุ่มเป้าหมายที่ดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ

ข้อควรพิจารณาทางกฎหมาย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของอาหารในท้องถิ่น ใบอนุญาต และใบรับรองด้านสุขภาพที่จำเป็นสำหรับการขายอาหารออนไลน์ เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจของคุณดำเนินการอย่างถูกกฎหมายและปกป้องลูกค้าของคุณ

สร้างการปรากฏตัวออนไลน์ที่น่าดึงดูด: สร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายหรือเข้าร่วมแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เชี่ยวชาญด้านบริการจัดส่งอาหาร ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเมนู ราคา และข้อมูลการติดต่อของคุณชัดเจน รูปภาพและคำอธิบายรายการอาหารที่มีคุณภาพสูงจะช่วยดึงดูดลูกค้า

ใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย: แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram, Facebook และ TikTok เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจอาหาร ใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อจัดแสดงผลิตภัณฑ์ของคุณด้วยรูปภาพ วิดีโอ และเนื้อหาที่น่าสนใจ พิจารณาใช้ผู้มีอิทธิพลทางการตลาดหรือจัดโปรโมชันเพื่อดึงดูดความสนใจ

กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลสำหรับธุรกิจอาหารออนไลน์
SEO (Search Engine Optimization):
เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าเป้าหมายจะค้นหาคุณได้ ให้ใช้เทคนิค SEO เพื่อให้เว็บไซต์หรือร้านค้าออนไลน์ของคุณปรากฏในผลการค้นหา ใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหารและที่ตั้งของคุณ เช่น “ขนมขบเคี้ยวออร์แกนิกใน [เมือง]” หรือ “เค้กโฮมเมดที่ดีที่สุดทางออนไลน์”

การตลาดผ่านอีเมล: สร้างรายชื่อลูกค้าทางอีเมลและส่งการอัปเดตเป็นประจำเกี่ยวกับรายการเมนูใหม่ โปรโมชั่น และส่วนลด อีเมลส่วนบุคคลสามารถสร้างความรู้สึกภักดีและกระตุ้นให้ซื้อซ้ำได้

โฆษณาแบบชำระเงิน: แพลตฟอร์มเช่น Google Ads และ Facebook Ads ช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายกลุ่มประชากรเฉพาะตามความสนใจ ตำแหน่งที่ตั้ง และพฤติกรรม การลงโฆษณาเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการขยายการเข้าถึงและดึงดูดผู้เข้าชมมายังร้านค้าออนไลน์ของคุณมากขึ้น

การตลาดแบบเนื้อหา: สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ เช่น บล็อก วิดีโอ หรือไอเดียสูตรอาหารที่เกี่ยวข้องกับอาหารที่คุณนำเสนอ ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างความน่าเชื่อถือในกลุ่มเป้าหมายของคุณเท่านั้น แต่ยังดึงดูดลูกค้าด้วยวิธีที่มีความหมายอีกด้วย

การมีส่วนร่วมและการวิจารณ์ของลูกค้า
บทวิจารณ์ของลูกค้ามีความสำคัญอย่างยิ่งในธุรกิจอาหาร กระตุ้นให้ลูกค้าของคุณแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาชื่นชอบอาหารของคุณ บทวิจารณ์เชิงบวกสามารถสร้างความไว้วางใจกับลูกค้ารายใหม่และเพิ่มยอดขายได้ การตอบกลับบทวิจารณ์ทั้งเชิงบวกและเชิงลบแสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจต่อความพึงพอใจของลูกค้า

การเริ่มต้นธุรกิจขายอาหารออนไลน์อาจเป็นทางเลือกอาชีพที่คุ้มค่า ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และการบริการลูกค้า ธุรกิจอาหารออนไลน์ของคุณก็สามารถเติบโตในตลาดดิจิทัลได้ สิ่งสำคัญคือต้องมีความสม่ำเสมอ คอยอัปเดตเทรนด์การตลาดดิจิทัล และปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง


5
หมอออนไลน์: ไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal meningitis)

ไข้กาฬหลังแอ่น (ไข้กาฬนกนางแอ่น ก็เรียก) หมายถึง โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มเมนิงโกค็อกคัส ที่มาของชื่อโรคนี้เข้าใจว่าคงเรียกตามลักษณะอาการของโรค ซึ่งพบว่าถ้าหากเป็นรุนแรงจะมีไข้และผื่นขึ้นลักษณะเป็นจุดแดงจ้ำเขียวหรือดำคล้ำ (จึงเรียกว่า “ไข้กาฬ” ซึ่งแปลว่า ไข้ที่มีผื่นสีดำคล้ำตามผิวหนัง) และผู้ป่วยจะมีอาการคอแข็ง คอแอ่น หลังแอ่น (จึงเรียกชื่อโรคตอนท้ายว่า “หลังแอ่น”) ต่อ ๆ มาจึงเพี้ยนเป็น “ไข้กาฬนกนางแอ่น” โรคนี้ไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อจากนกนางแอ่นแต่อย่างใด

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดนี้พบได้ประปรายตลอดปี (มีรายงานการป่วยเป็นโรคนี้ประมาณปีละ 20-100 ราย) บางครั้งอาจมีการระบาด จัดเป็นโรคที่มีอันตรายร้ายแรง พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ พบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อแบคทีเรียกลุ่มเมนิงโกค็อกคัส (meningococcus) ที่มีชื่อเรียกว่าไนซีเรียเมนิงไจทิดิส (Neisseria meningitidis)

เชื้อนี้แบ่งเป็น 13 ชนิด แต่มีอยู่ 5 ชนิดที่สามารถก่อโรคในคน ได้แก่ ชนิด A, B, C, Y และ W135 ซึ่งมีอยู่ในลำคอของคนเรา คนที่แข็งแรง เชื้อจะอาศัยอยู่ในลำคอโดยไม่ก่อให้เกิดโรค เรียกว่า เป็นพาหะ (carrier) ซึ่งสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ ซึ่งพบว่าในคนทั่วไปเป็นพาหะของโรคนี้ประมาณร้อยละ 5 (เคยมีการสำรวจพบว่า เด็กนักเรียนในบางท้องที่จะเป็นพาหะของโรคนี้ถึงร้อยละ 14)

เชื้อนี้สามารถติดต่อโดยการหายใจสูดเอาฝอยละอองเสมหะที่ผู้ป่วยหรือพาหะไอหรือจามรด ใช้ของใช้ร่วมกัน (เช่น ดื่มน้ำจากแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน) จูบปากกัน หรือสัมผัสถูกน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยหรือพาหะ

ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เมื่อรับเชื้อเข้าไป ก็จะป่วยเป็นโรคนี้ โดยเชื้อเข้าไปในลำคอก่อน แล้วเข้าไปในกระแสเลือด ไปที่เยื่อหุ้มสมอง ทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ บางรายเชื้อจะเข้าไปอยู่ในอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ และรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ภายในเวลาสั้น ๆ

ระยะฟักตัวของโรค 2-10 วัน (เฉลี่ย 3-4 วัน)


อาการ

อาการสำคัญคือ ไข้ ผื่นขึ้น และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาจมีอาการครบทั้ง 3 อย่าง หรือ 2 ใน 3 อย่างนี้ ซึ่งมีความรุนแรงแตกต่างกันไป

เริ่มแรกผู้ป่วยจะมีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ เจ็บคอ ปวดเมื่อยมากตามหลังและแขนขาคล้ายไข้หวัดใหญ่ 2-3 วันต่อมาจะมีผื่นขึ้น ลักษณะเป็นจุดแดงจ้ำเขียวแบบไข้เลือดออก มีขนาดต่าง ๆ ตั้งแต่เท่าปลายเข็มหมุดจนเป็นรอยฟกช้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีรูปร่างคล้ายดาวกระจาย (เป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้) รอยฟกช้ำพบมากตามขาและเท้า และตรงรอยที่มีแรงกด (เช่น ขอบกางเกง ขอบถุงเท้า) แต่ก็อาจพบที่มือ แขน และลำตัว รวมทั้งตามเยื่อเมือก เช่น เยื่อบุตา ได้

ในรายที่มีเยื่อหุ้มสมองอักเสบร่วมด้วย จะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน คอแข็ง (ก้มคอไม่ลง) คอแอ่น หลังแอ่น อาจมีอาการสับสน เพ้อคลั่งร่วมด้วย ผู้ป่วยส่วนน้อยที่อาจมีอาการไม่ค่อยรู้สึกตัว หมดสติ ส่วนในเด็กอาจมีอาการชักร่วมด้วย

ในรายที่เป็นรุนแรงจะมีเลือดออกในลำไส้และต่อมหมวกไต เกิดภาวะช็อก หมดสติ และอาจตายได้ภายใน 1-4 วัน ภาวะรุนแรงมักเกิดในเด็กเล็ก เด็กนักเรียน และคนหนุ่มสาว


ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบร่วมกับการติดเชื้อในเลือด (พบจุดแดงจ้ำเขียวร่วมด้วย) มักมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง คือ ภาวะโลหิตเป็นพิษ และภาวะเลือดจับเป็นลิ่มทั่วร่างกาย (disseminated intravascular coagulation หรือ DIC) ซึ่งทำให้มีเลือดตามอวัยวะต่าง ๆ (เช่น ปอด ทางเดินปัสสาวะ ทางเดินอาหาร ต่อมหมวกไต) และภาวะขาดเลือดและเนื้อตายของปลายนิ้วมือนิ้วเท้า ผู้ป่วยมักเกิดภาวะช็อก และตายในเวลารวดเร็ว

นอกจากนี้ยังอาจมีการติดเชื้อของอวัยวะต่าง ๆ แทรกซ้อน เช่น ข้ออักเสบชนิดติดเชื้อเฉียบพลัน ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ เป็นต้น

ส่วนภาวะแทรกซ้อนทางสมองในระยะเฉียบพลัน อาจมีภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง สมองบวม (cerebral edema) ภาวะเลือดจับเป็นลิ่มในหลอดเลือดดำสมอง (cerebral venous thrombosis) ภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ (hydrocephalus) เป็นต้น

ในผู้ป่วยที่รักษาจนรอดชีวิต อาจมีภาวะแทรกซ้อนทางสมอง (ดู “โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ”) ประมาณร้อยละ 10-20 และพบว่าเด็กที่เป็นโรคนี้กลายเป็นหูหนวกร้อยละ 10


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งจะตรวจพบไข้สูง อาจพบอาการสับสน เพ้อคลั่ง ซึม ส่วนอาการหมดสติ หรือชัก อาจพบได้ในผู้ป่วยบางราย

มักตรวจพบจุดแดงจ้ำเขียวตามผิวหนัง เยื่อบุตา

มักพบรอยฟกช้ำรูปดาวกระจายตามขา เท้า ขอบกางเกง ขอบถุงเท้า

ในผู้ใหญ่ มักตรวจพบอาการคอแข็งร่วมด้วย ส่วนในเด็กเล็ก อาจตรวจไม่พบอาการคอแข็ง แต่จะพบกระหม่อมโป่งตึงได้

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการเจาะหลัง จะพบความดันน้ำไขสันหลังสูง น้ำไขสันหลังขุ่น ตรวจพบเชื้อเมนิงโกค็อกคัสในน้ำไขสันหลัง

นอกจากนี้ อาจนำเลือดและสารน้ำที่เจาะจากรอยจ้ำเขียวที่ผิวหนังไปตรวจหาเชื้อโดยการย้อมสีหรือเพาะเชื้อ

บางรายแพทย์อาจทำการถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อค้นหาความผิดปกติในสมอง


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล ให้การรักษาตามอาการและรักษาแบบประคับประคอง และให้ยาปฏิชีวนะซึ่งมีให้เลือกหลายชนิด(เช่น เพนิซิลลินจี, เซทริอะโซน)

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค ถ้าเป็นไม่รุนแรง (ไม่มีการติดเชื้อในเลือดร่วมด้วย) และได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม ก็มักจะหายเป็นปกติ แต่ถ้าเป็นรุนแรงหรือได้รับการรักษาล่าช้า ก็อาจเสียชีวิตหรือมีภาวะแทรกซ้อนทางสมองตามมา โดยเฉลี่ยมีอัตราตายประมาณร้อยละ 15-20


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะมาก ก้มคอไม่ลง (คอแข็ง) หลังแอ่น อาเจียนรุนแรง ซึม ชัก หรือหมดสติ  หรือมีไข้ร่วมกับมีรอยฟกช้ำจ้ำเขียว หรืออาเจียนเป็นเลือด ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อพบว่าเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การป้องกัน

1. สำหรับผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคนี้ เช่น คนที่อยู่บ้านเดียวกับผู้ป่วย นักเรียนที่อยู่ในห้องเดียวกับผู้ป่วย ทหารที่อยู่ในค่ายพักเดียวกับผู้ป่วย ผู้ต้องขังที่อยู่ในห้องขังเดียวกับผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วย เป็นต้น ควรรีบไปพบแพทย์ แพทย์จะให้ยาชนิดใดชนิดหนึ่งกินป้องกันไม่ให้เป็นโรค เช่นไรแฟมพิซิน, ไซโพรฟล็อกซาซิน, เซฟทริอะโซน

2. สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ในเขตพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคนี้ (เช่น ผู้ที่เดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย, นักท่องเที่ยวที่จะไปในทวีปแอฟริกา เช่น ซูดาน เอธิโอเปีย ไนจีเรีย เป็นต้น) หรือผู้ที่ไปศึกษาต่อในประเทศแถบยุโรปและอเมริกาซึ่งมีข้อกำหนดให้ต้องฉีดวัคซีนชนิดนี้ ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้กาฬหลังแอ่น (meningococcal vaccine) ซึ่งสามารถรับบริการได้ ณ สถานที่ต่อไปนี้

    สถาบันบำราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี
    ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิ
    ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าเรือกรุงเทพคลองเตย
    กลุ่มงานควบคุมโรคระหว่างประเทศ ในบริเวณตรวจคนเข้าเมือง ถนนสาทรใต้
    สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้

3. สำหรับคนทั่วไป ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกัน เนื่องจากโรคนี้พบได้น้อย มีโอกาสเสี่ยงไม่มาก ถ้าบังเอิญมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ก็สามารถใช้ยาป้องกันได้ เหตุผลอีกข้อหนึ่งก็คือ วัคซีนที่มีใช้อยู่ในประเทศไทยป้องกันเชื้อชนิด A, C, Y, W135 แต่ไม่ได้ป้องกันชนิด B ซึ่งเป็นเชื้อที่พบมากในบ้านเรา ดังนั้นฉีดวัคซีนไปก็ไม่อาจป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อชนิด B

สำหรับคนทั่วไป แนะนำให้ปฏิบัติตามหลักการป้องกันโรคติดต่อทางระบบหายใจ ดังนี้

    หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีผู้คนแออัดหรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก
    สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าไปในที่ที่มีผู้คนแออัด
    อย่าไอ จาม รดกัน
    อย่าดื่มน้ำแก้วเดียวกับผู้อื่น หรือสูบบุหรี่มวนเดียวกับผู้อื่น
    ล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ เมื่อสัมผัสถูกน้ำมูก น้ำลายของผู้อื่น

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ถึงแม้จะพบได้น้อย แต่ถ้าเป็นแล้วมักมีความรุนแรง หากมีอาการไข้ ผื่นขึ้น (จุดแดงจ้ำเขียว) ร่วมกับอาการปวดศีรษะและอาเจียน ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อจะได้รับการวินิจฉัยและการรักษาแต่เนิ่น ๆ

2. โรคนี้นอกจากจะติดจากผู้ป่วยโดยตรงแล้ว ก็ยังอาจติดจากเสมหะและน้ำลายของผู้ที่เป็นพาหะ (ซึ่งไม่มีอาการ) ได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย คนทั่วไปควรเคร่งครัดในการปฏิบัติตัวตามหลักการป้องกันโรคติดต่อทางระบบหายใจ

3. ควรแนะนำผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยไปรับยาป้องกันจากสถานพยาบาลใกล้บ้านโดยเร็วที่สุด

6
ขนของด้วยความสะดวกสบาย กับ รถกระบะรับจ้าง รถรับจ้างกระบี่

ทำความรู้จักกับบริการรถรับจ้างขนย้ายกระบี่

กระบี่เป็นจังหวัดที่มีความงามและมีอำนาจในการท่องเที่ยว แต่การขนย้ายของอาจกลายเป็นภาระใหญ่ในการเพลิดเพลินกับความงามของท้องถิ่นนี้ขนส่ง บริการรถรับจ้างขนย้ายกระบี่เป็นสิ่งที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างลงตัว รับชมวิธีการใช้บริการนี้ที่ทำให้การขนย้ายของคุณง่ายขึ้นรถรับจ้างขนของ ใกล้ฉัน


สิ่งที่ทำให้บริการนี้เด่น

บริการรถรับจ้างขนย้ายกระบี่มีจุดเด่นที่น่าสนใจ เช่น ความรวดเร็วในการขนย้าย ความปลอดภัยของของ และการบริการที่มีคุณภาพ ทำให้คุณสามารถมั่นใจได้ว่าของของคุณจะถูกดูแลอย่างดี

   
รับรถรับจ้างกระบี่ : จุดเริ่มต้นใหม่ในการขนย้ายของ

บริการรถรับจ้างกระบี่เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในการขนย้ายของคุณขนส่ง ไม่ว่าคุณจะย้ายบ้านหรือย้ายสินค้าของธุรกิจ บริการนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจและมั่นใจว่าของของคุณจะถูกขนย้ายไปถึงที่ปลายทางอย่างปลอดภัย


รายละเอียดของบริการ

    วิธีการใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายของกระบี่ การใช้ บริการรถรับจ้างขนย้ายของกระบี่ ง่ายมาก เริ่มต้นโดยการติดต่อบริษัทที่ให้บริการ และกำหนดรายละเอียดการขนย้าย คุณสามารถเลือกประเภทของรถที่ต้องการใช้ และตารางเวลาที่เหมาะสมกับคุณ
    ค่าบริการและวิธีการชำระเงิน ค่าบริการขนย้ายของรถรับจ้างกระบี่อาจแตกต่างกันไปตามระยะทางและปริมาณของของที่ต้องการขนย้าย คุณสามารถติดต่อกับบริษัทเพื่อขอใบเสนอราคาและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชำระเงิน
    การจองและตารางเวลาให้เหมาะสม เมื่อคุณตัดสินใจใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายของ คุณสามารถจองบริการล่วงหน้า และกำหนดตารางเวลาให้เหมาะสมกับความสะดวกของคุณ เพื่อให้การขนย้ายเป็นไปอย่างราบรื่น
    การเตรียมความพร้อมก่อนขนย้าย เพื่อให้การขนย้ายเป็นไปอย่างสะดวกสบาย คุณสามารถเตรียมความพร้อมโดยการแบ่งแยกของตามประเภทและทำเครื่องหมายของให้ชัดเจน เพื่อให้พนักงานขับรถรับจ้างทราบถึงลักษณะของของ

   
คุณสมบัติของรถรับจ้าง

    ประเภทของรถที่มีให้เลือก บริการรถรับจ้างขนย้ายกระบี่ มีหลากหลายประเภทของรถที่คุณสามารถเลือกใช้ ตั้งแต่รถกระบะไปจนถึงรถหกล้อ แต่ละประเภทของรถมีคุณสมบัติและความจุที่แตกต่างกัน คุณสามารถเลือกประเภทที่เหมาะกับความต้องการของคุณ
    คุณสมบัติของพนักงานขับรถรับจ้าง พนักงานขับรถรับจ้างมีความเชี่ยวชาญในการขนย้ายของและมีทักษะในการรักษาความปลอดภัยของของขณะการขนย้าย คุณสามารถมั่นใจได้ว่าของของคุณจะถูกดูแลอย่างดี
    การรักษาความปลอดภัยของของขณะขนย้าย ความปลอดภัยของของขณะการขนย้ายเป็นสิ่งที่สำคัญ บริการรถรับจ้าง ขนย้ายกระบี่ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของของขณะการขนย้าย ซึ่งทำให้คุณสามารถมั่นใจได้ว่าของของคุณจะถูกขนย้ายไปถึงที่ปลายทางอย่างปลอดภัยรถรับจ้างทั่วไป ราคาถูก

   
ประสบการณ์การขนย้ายกระบี่

การรับรถรับจ้างขนย้ายกระบี่มีประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจจากลูกค้ามากมาย คุณสามารถอ่านเรื่องราวของคนที่เคยใช้บริการนี้และสัมผัสประสบการณ์จริงในการขนย้ายกระบี่

เมื่อคุณต้องการเลือก บริการรถรับจ้างขนย้ายกระบี่ มีสิ่งหลายสิ่งที่คุณควรพิจรณา เช่น ประสบการณ์ของบริษัท ความเชี่ยวชาญในการขนย้ายของ และความคุ้มค่าของบริการ บทคำแนะนำนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้อง

   
ความสะดวกสบายและประหยัด

    การเลือกบริการรถรับจ้างเพื่อประหยัดเวลาและงบประมาณ การขนย้ายของอาจเป็นเรื่องที่เสียเวลาและใช้งบประมาณมาก แต่คุณสามารถเลือกบริการรถรับจ้างเพื่อประหยัดเวลาและเงิน บริการนี้จะช่วยคุณลดความยุ่งยากในการขนย้ายและเพิ่มความสะดวกสบาย
    การสร้างความสะดวกสบายในการขนย้ายของคุณ การขนย้ายของอาจเป็นงานที่เครียด แต่ บริการรถรับจ้างขนย้ายกระบี่ช่วยให้คุณสร้างความสะดวกสบายในการขนย้ายของคุณ คุณสามารถเลือกประเภทของรถและตารางเวลาที่เหมาะสมกับคุณ เพื่อให้การขนย้ายเป็นไปอย่างราบรื่น
    คำแนะนำในการใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายกระบี่ เมื่อคุณต้องการใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายกระบี่ คุณสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำที่ให้มาเพื่อให้การขนย้ายของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น บทคำแนะนำนี้จะช่วยให้คุณมีประสบการณ์การขนย้ายที่ดี

   
วิธีการปรับปรุงประสบการณ์การขนย้าย

การขนย้ายของคุณสามารถปรับปรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการติดต่อกับบริษัทและกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขนย้ายของคุณ นี่คือขั้นตอนการจองและการติดต่อกับบริษัท

   
คุณภาพบริการและความน่าเชื่อถือ

บริการรถรับจ้างขนย้ายกระบี่มีคุณภาพและเป็นที่น่าเชื่อถือ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทจะดูแลของของคุณอย่างดี และให้บริการที่มีคุณภาพ

   
สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับบริการรถรับจ้างขนย้ายกระบี่

การตรวจสอบความน่าเชื่อถือของ บริการรถรับจ้าง การตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริการรถรับจ้างขนย้ายกระบี่เป็นสิ่งสำคัญ คุณควรตรวจสอบประวัติและความเชื่อถือของบริษัทก่อนที่จะใช้บริการรถรับจ้าง

   
รถรับจ้างขนย้ายกระบี่ : ความสะดวกสบายในการย้ายของคุณ

บริการ รถรับจ้างขนย้ายกระบี่ ช่วยให้คุณขนย้ายของของคุณได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าคุณจะย้ายบ้านหรือย้ายสินค้าของธุรกิจ บริการนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจและมั่นใจว่าของของคุณจะถูกดูแลอย่างดี

วันนี้ ขนของของคุณด้วยความสะดวกสบายกับบริการรถรับจ้างขนย้ายกระบี่ คุณจะได้ประสบการณ์การขนย้ายที่ไม่เคยมีมาก่อน ราคาที่เป็นธรรม คุณจะได้รับบริการที่คุณคาดหวัง และของของคุณจะถูกนำไปถึงที่ปลายทางอย่างปลอดภัย

7
รถกระบะรับจ้างขนของนครสวรรค์ รับขนย้ายทั่วไป ราคาถูก บริการคุณภาพ ที่คุณควรเลือก

รถรับจ้างขนของนครสวรรค์

ปัจจุบัน รถรับจ้างขนของ เป็นที่ต้องการอย่างมากในสังคมไทย เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจและการขยายตัวของเมือง ทำให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้าและทรัพย์สินต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้คนต้องการความสะดวกสบายในการขนย้าย ทั้งจากการย้ายบ้านไปยังที่ใหม่ การขนส่งสินค้าในเชิงพาณิชย์ หรือแม้กระทั่งการขนย้ายของต่างๆ นอกจากนี้ บริการรถรับจ้าง ยังตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขนย้ายในพื้นที่ใกล้ๆ หรือการขนส่งข้ามจังหวัด ด้วยความสะดวกในการเรียกใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นค่ะ

   
รถรับจ้างขนของนครสวรรค์

บริการรถรับจ้างขนของนครสวรรค์ มีความสำคัญต่อธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการขนส่งสินค้าไปยังลูกค้าในเวลาที่รวดเร็วและปลอดภัย โดยมีบริการที่มีมาตรฐาน รวมถึงรถที่หลากหลายขนาดและประเภท

    รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์
    รถสี่ล้อใหญ่รับจ้างนครสวรรค์
    รถหกล้อรับจ้างนครสวรรค์
    รถสิบล้อรับจ้างนครสวรรค์
    รถเทรลเลอร์รับจ้างนครสวรรค์
    รถเฮี๊ยบรับจ้างนครสวรรค์

ขนส่ง ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในด้าน บริการรถรับจ้างขนของนครสวรรค์ โดยเรามีทีมงานมืออาชีพที่มีความชำนาญและประสบการณ์ในการขนย้ายสินค้า ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าสินค้าของตนจะถูกขนส่งอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว ด้วยการให้บริการที่มีมาตรฐานและความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด สามารถช่วยลดความกังวลให้กับลูกค้าในเรื่องความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขนย้ายสินค้าขนาดเล็กหรือใหญ่ เราพร้อมที่จะให้บริการที่ดีที่สุด เพื่อให้การขนย้ายของคุณเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายที่สุด พร้อมทั้งทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการของเรา

   
รถรับจ้างนครสวรรค์ ขนย้ายทั่วไป

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้รถรับจ้างเป็นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบันคือ การเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานที่มีความรวดเร็วและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ผู้คนมักจะมีการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการย้ายบ้านใหม่ การเช่าหรือซื้อบ้านใหม่ หอพัก อพาร์เม้น รวมถึงการย้ายสำนักงานหรือร้านค้า ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการบริการขนย้ายที่มีความรวดเร็วและสะดวกสบาย ในด้านธุรกิจ การแข่งขันในตลาด บริการขนย้าย ก็เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ให้บริการต้องพัฒนาคุณภาพและบริการให้ดียิ่งขึ้น เช่น การจัดให้มีรถรับจ้างหลายประเภท ตั้งแต่ รถกระบะ รถหกล้อ จนถึง รถสิบล้อ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการตามความต้องการ และยังมีการพัฒนาระบบติดตามการขนส่งเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าอีกด้วยค่ะ

   
รถรับจ้างขนของนครสวรรค์ ราคาถูก

ในด้านของราคารถรับจ้าง การตั้งราคาเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้า ราคาที่เหมาะสมและโปร่งใสจะช่วยสร้างความไว้วางใจและกระตุ้นให้ลูกค้าเลือกใช้บริการมากขึ้น ความหลากหลายของราคา การแข่งขันในตลาด โปรโมชันและแพ็กเกจพิเศษ ความโปร่งใสในราคา คุณภาพและความปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกค้าเลือกสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความต้องการ ความเหมาะสมของงบประมาณ ที่ตั้งไว้ได้อย่างคุ้มค่าค่ะ

   
รถรับจ้างขนของนครสวรรค์ ไปต่างจังหวัด

บริการที่ครอบคลุมการขนย้ายทั่วประเทศ หมายถึง ความสามารถของบริษัทให้บริการรถรับจ้างในการดำเนินการขนส่งสินค้าหรือการขนย้ายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งภายในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภายในจังหวัดเดียวกันหรือข้ามจังหวัด โดยมี เครือข่ายการให้บริการที่กว้างขวาง สามารถขนส่งที่ครอบคลุมในทุกพื้นที่ ตั้งแต่เมืองใหญ่จนถึงพื้นที่ชนบท ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถส่งของไปยังที่หมายได้อย่างสะดวกและรวดเร็วค่ะ

   
รถรับจ้างนครสวรรค์ ใกล้ฉัน

หากคุณกำลังมองหา รถรับจ้างขนของนครสวรรค์ ที่มีคุณภาพและไว้ใจได้ การเลือกใช้บริการ รถรับจ้างนครสวรรค์ ใกล้ฉัน เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะย้ายบ้าน ขนย้ายสินค้า หรือขนส่งของใช้ต่างๆ การบริการที่รวดเร็ว ปลอดภัย และใส่ใจในทุกรายละเอียด คือสิ่งที่ลูกค้าทุกคนควรได้รับ บริการ รถรับจ้างนครสวรรค์ ขนส่ง เน้นการให้บริการที่สะดวก ประหยัดเวลา และครอบคลุมทุกความต้องการ เพื่อให้การขนย้ายเป็นเรื่องง่าย และลดความยุ่งยากสำหรับคุณ ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานและความเชี่ยวชาญในด้านการขนย้าย เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าทุกคน ด้วยราคาที่คุ้มค่าและโปร่งใส พร้อมบริการที่มีมาตรฐาน คุณสามารถไว้วางใจให้ ขนส่ง เป็นส่วนหนึ่งในทุกการขนย้ายของคุณ สนใจบริการรถรับจ้าง

8
การจัดฟันเด็กช่วยปรับโครงหน้าเด็กได้อย่างไร

การจัดฟันถือเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะการจัดฟันนั้น สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้แทบทุกกรณี และจะช่วยทำให้เรามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตามมาด้วย หลายคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟันก็เลือกใช้วิธีการจัดฟันในการแก้ไขปัญหา เพราะการจัดฟันนั้นเป็นการรักษาที่มีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและยังช่วยให้เรามีบุคลิกภาพที่มั่นใจ มีรอยยิ้มที่สดใสสวยงามขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ การจัดฟันยังสามารถทำได้ในเด็กหรือที่เรียกว่าการจัดฟันเด็ก ซึ่งต้องบอกว่าการจัดฟันในเด็กนั้นก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน ผู้ปกครองหรือพ่อแม่หลายคนคิดว่าการจัดฟันในเด็กนั้นไม่สำคัญ และไม่มีความจำเป็น เพราะคิดว่าบุตรหลานของท่านยังมีฟันน้ำนมอยู่ ซึ่งฟันน้ำนมของเด็กหลายคนอาจจะมองข้าม แต่หารู้ไม่ว่า ฟันน้ำนมมีความสำคัญมาก เพราะฟันน้ำนมมีบทบาทสำคัญมากต่อลักษณะการขึ้นของฟันแท้ ซึ่งก็จะส่งผลทำให้ลักษณะฟันของเราขึ้นตามปกติหรือผิดปกติก็ขึ้นอยู่กับการดูแลฟันน้ำนมของเราด้วย โดยในปัจจุบันนี้ เด็กประถมก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้แล้ว ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องรอให้โต เพราะหลายปัญหาเราอาจจะหลีกเลี่ยงได้ ลดความรุนแรงได้

หากได้รับการรักษาตั้งแต่นั้นเนิ่นๆ นอกจากนี้ การจัดฟันในเด็กนั้นสามารถปรับโครงหน้าเด็กได้อีกด้วยซึ่งหลายคนที่กำลังตัดสินใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันก็อาจจะต้องศึกษาข้อมูลรายละเอียดต่างๆให้ดีก่อน และวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็ก ว่าสามารถช่วยปรับโครงหน้าได้อย่างไร มีกลไกการทำงานอย่างไร เพื่อที่ผู้ปกครองจะได้เห็นภาพชัดเชนมากยิ่งขึ้น และช่วยประกอบการตัดสินใจก่อนให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก

สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น ที่สามารถช่วยปรับโครงสร้างของใบหน้าของเด็กได้นั้น เกิดจากการทำงานของเครื่องมือที่มีชื่อว่า EF LINE โดยเครื่องมือชิ้นนี้ เป็นชิ้นยางที่มีหลากหลายสี ซึ่งมีหลายขนาด ซึ่งทันตแพทย์จะเลือกใช้ขนาดตามอายุและขนาดของขากรรไกรของเด็กนั่นเอง เครื่องมือชิ้นนี้จะมีประโยชน์ช่วยในเรื่องของการปรับโครงสร้างของใบหน้าของเด็กให้อยู่ถูกที่ถูกทางและช่วยแก้ไขความผิดปกติของรูปร่างฟัน ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของฟันล้มได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือถ้าหากเด็กมีปัญหาในเรื่องของฟันผุซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดการสูญเสียฟันหรือทันตแพทย์ต้องถอนฟัน น้ำนมของเด็กออก ทันตแพทย์ก็จะทำการพิมพ์ปากเพื่อผลิตเครื่องมือกันฟันล้มให้สวมใส่และรอจนกว่าฟันแท้จะงอกขึ้นมาทดแทนในช่องว่างระหว่างฟัน

สำหรับการจัดฟันในเด็กที่มีฟันแท้งอกออกมาทดแทนช่องว่างระหว่างฟันก็จะทำให้ไม่เกิดปัญหาฟันคุดหรือการล้มของฟันบริเวณโดยรอบ แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องมือการจัดฟันนั้น นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพฟันในเด็กแล้ว ยังสามารถปรับโครงสร้างของใบหน้าของเด็กได้อีกด้วยและยังช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกได้เพราะกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างของเด็กนั้น มีการเจริญเติบโตแบบต่อเนื่องและเครื่องมือ EF LINE ยังสามารถใช้ได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 4-15ปี ซึ่งมีข้อดีก็คือสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างหลากหลาย ช่วยปรับโครงสร้างของใบหน้าเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บุตรหลานของท่านมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ มรรอยยิ้มที่สดใสสมวัยได้

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ที่สามารถให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง และยังให้คำแนะนำในเรื่องของการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันในเด็กด้วย เพื่อให้เด็กทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี แนะนำวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี เพื่อปลูกฝังให้เด็กตระหนักถึงเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้มากเป็นพิเศษ ทางคลินิกอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีรอยยิ้มที่สดใส มั่นใจ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

9
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


10
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)

ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


11
วิธีการติดตั้งฉนวนใยแก้ว ฉนวนกันความร้อน ให้มีประสิทธิภาพ

4 วิธีการติดตั้งฉนวนกันความร้อน ฉนวนใยแก้วที่ทุกคนควรรู้ก่อนลงมือทำ

แม้มองด้วยสายตาภายนอก ฉนวนใยแก้ว ไฟเบอร์กลาส หรือ Fiberglass Insulation จะมีหน้าตาดูนุ่มนิ่มไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ถ้าใครทำงานด้านการออกแบบอาคาร หรือการก่อสร้างมานานก็น่าจะทราบถึงอันตรายของวัสดุชนิดนี้เป็นอย่างดี โดยฉนวนใยแก้วนั้นเป็นที่รู้จักในฐานะฉนวนกันความร้อนที่ทำมาจากเส้นใยแก้วสังเคราะห์ สามารถนำมาถักทอเป็นแผ่น หรือทำเป็นม้วนได้ มีโครงสร้างเป็นเส้นใยพรุนที่เรียงตัวแน่นจึงทำให้สามารถกักเก็บอากาศได้ดี ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนระหว่างภายนอกและภายในอาคาร อีกทั้งยังกันความร้อนและเสียงได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

อย่างไรก็ตามการติดตั้งฉนวนใยแก้วต้องทำด้วยความระมัดระวังเนื่องจากเส้นใยแก้วมีขนาดเล็กระดับไมโครไฟเบอร์ แต่กลับแข็ง และคมมาก หากสัมผัสถูกผิวหนังจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง แสบร้อน และอักเสบบวมแดงได้ จึงจำเป็นต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม เช่น ถุงมือ หน้ากากป้องกันฝุ่น แว่นตานิรภัย และเสื้อผ้าปิดคลุมให้มิดชิด เป็นต้น

นอกจากนี้ การติดตั้งฉนวนใยแก้วยังต้องมีการออกแบบ และวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้มันสามารถกระจายตัวไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ที่ต้องการได้อย่างทั่วถึง และไร้ช่องว่างโหว่ โดยเฉพาะในจุดเชื่อมต่อ หรือมุมอับต่าง ๆ เพราะถ้าติดตั้งไม่ดีพอจะทำให้ประสิทธิภาพในการกันความร้อนลดลง รวมไปถึงการตัด หรือดัดแปลงขนาดก็ต้องคำนึงถึงขนาด และรูปร่างของช่องว่างอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถติดตั้งได้อย่างแนบชิดตามไปด้วย เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถติดตั้งฉนวนใยแก้วได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

จะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ 4 วิธีการติดตั้งฉนวนใยแก้วที่ทุกคนควรรู้ก่อนลงมือทำ ตามมาอ่านไปพร้อมกันเลย


4 แนวทางยอดนิยมสำหรับติดตั้งฉนวนใยแก้วให้มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
   
พ่นฉนวนใยแก้ว (Blown-in Insulation)

    การพ่นฉนวนใยแก้ว (Blown-in Insulation) นับเป็นหนึ่งในวิธีการติดตั้งฉนวนใยแก้วที่มีประสิทธิภาพสูงมากวิธีการหนึ่ง เพราะสามารถเลือกความหนา และความแน่นของฉนวนได้ตามต้องการ โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการติดตั้งในอาคารเก่า หรือพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก สำหรับกระบวนการทำงานของวิธีการนี้จะเริ่มต้นด้วยการใช้เครื่องพ่นฉนวนใยแก้วผสมกับสารเคลือบผิว แล้วฉีดพ่นผ่านท่อยาวเข้าไปในช่องว่างของผนัง พื้น หรือหลังคา จากนั้นฉนวนจะกระจายตัวแน่น ทั่วถึง และสามารถปกคลุมจุดอับต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม อย่างไรก็ตามการติดตั้งด้วยวิธีนี้จำเป็นต้องใช้ผู้รับเหมาที่มีความชำนาญ และเครื่องมือพิเศษ จึงมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และอาจมีปัญหาฝุ่น และก๊าซจากสารเคลือบผิวรั่วซึมร่วมด้วย จึงจำเป็นต้องมีมาตรการระบายอากาศ

   
ม้วนฉนวนใยแก้ว (Batt Insulation)

    วิธีการม้วนฉนวนใยแก้ว (Batt Insulation) คือวิธีการติดตั้งฉนวนใยแก้วที่นิยมใช้กันมากที่สุด เหมาะสำหรับการก่อสร้างอาคารใหม่ หรือการปรับปรุงอาคารเก่าที่สามารถเข้าถึงช่องว่างได้โดยสะดวก โดยกระบวนการทำงานของวิธีการนี้จะเริ่มด้วยการนำแผ่นฉนวนใยแก้วที่ม้วนเตรียมไว้แล้วมาคลี่ออกแล้วแผ่ให้กว้าง จากนั้นทำการวางเรียงลงไปในช่องว่างของผนัง พื้น หรือหลังคาจนเต็ม แน่น และปิดช่องว่างให้มิดชิดที่สุด ไม่มีช่องว่างโหว่ ข้อดีของวิธีการนี้คือติดตั้งง่าย ประหยัดแรงงาน ไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ และยังสามารถเลือกชนิด ความหนา และคุณสมบัติต่าง ๆ ของฉนวนได้หลากหลาย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เพราะอาจจะปิดช่องว่างได้ไม่สนิทมากนักหากช่องว่างไม่สม่ำเสมอ

   
รีดร้อนฉนวนใยแก้ว (Rigid Insulation)

    การรีดร้อนฉนวนใยแก้ว (Rigid Insulation) เป็นอีกหนึ่งวิธีการติดตั้งฉนวนใยแก้วที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในการก่อสร้างอาคารใหม่หรือปรับปรุงอาคารเก่า โดยฉนวนใยแก้วที่ใช้สำหรับวิธีการนี้จะถูกผลิตออกมาในรูปแบบของแผ่นแข็ง ๆ คล้ายแผ่นกระดาน อันเกิดจากการนำเส้นใยแก้วมาอัดประกบกันให้แน่นด้วยความร้อน และแรงดัน จนเกิดเป็นแผ่นฉนวนที่มีโครงสร้างแน่นทึบ มีความหนา และขนาดมาตรฐาน ในส่วนของกระบวนการติดตั้ง จะเริ่มต้นด้วยการนำแผ่นฉนวนเหล่านี้มาประกบติดกับผนัง หรือหลังคาด้วยกาวร้อนหรือตะปู เพื่อให้แนบสนิทกับพื้นผิวโดยไม่มีช่องว่างหลงเหลืออยู่ ข้อดีของวิธีนี้คือเรื่องของความสะดวกสบาย ติดตั้งง่าย เพราะมีขนาด และรูปแบบมาตรฐานจากโรงงาน มีความคงทน และประสิทธิภาพสูง เนื่องจากเป็นแผ่นแข็งที่มีโครงสร้างทึบแน่น อีกทั้งยังสามารถเลือกคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น ความหนา ความแน่น กันเสียงได้ตามต้องการด้วย อย่างไรก็ตามวิธีการนี้มีราคาค่อนข้างสูงกว่าวิธีการติดตั้งฉนวนวิธีอื่น ๆ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป และถ้าติดตั้งบนพื้นผิวที่มีความไม่เรียบเสมอกัน อาจเกิดปัญหารอยต่อหรือช่องว่างได้จึงไม่เหมาะกับอาคารที่ซับซ้อน หรือมีซอกซอยเยอะ ๆ

   
ใช้ฉนวนใยแก้วหุ้มท่อต่าง ๆ

    นอกจากการติดตั้งฉนวนใยแก้วในอาคารแล้ว ฉนวนใยแก้วยังสามารถนำมาใช้กับการหุ้มท่อต่าง ๆ ได้ด้วย เพราะว่าจะช่วยให้ประหยัดพลังงาน รักษาอุณหภูมิ ป้องกันปัญหาต่าง ๆ และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน โดยสำหรับท่อนำความร้อน อย่างท่อไอเสีย และท่อลมร้อน ฉนวนใยแก้วจะช่วยเก็บกักความร้อนไม่ให้รั่วไหลออกจากท่อ ทำให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และรักษาอุณหภูมิได้ดี ในขณะที่ท่อนำความเย็นอย่างท่อแอร์ ฉนวนจะกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ท่อ ช่วยรักษาอุณหภูมิเย็นได้นานขึ้น นอกจากนี้ยังป้องกันการเกิดหยดน้ำค้างบนผิวท่อเย็น ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาเชื้อราและความชื้น นอกจากนี้การหุ้มท่อด้วยฉนวนกันความร้อนเอาไว้ ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสท่อร้อนหรือเย็นจนเกินไป ทำให้ปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน และลดเสียงรบกวนจากท่อต่าง ๆ ได้ด้วย

จะเห็นได้เลยว่าการติดตั้งฉนวนใยแก้วให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้นมีให้เลือกหลายวิธีมาก ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับว่าอาคาร หรือสถานที่ที่เราต้องการติดตั้งนั้นมีรูปลักษณ์แบบไหนนั่นเอง

12
บริการด้านอาหาร: อาหารเพื่อสุขภาพ บรรเทาอาการภูมิแพ้

การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นสิ่งที่สำคัญต่อร่างกายของคนเราจำเป็นต่อการดำรงชีวิต อาหารเป็นสิ่งที่รับประทานเข้าไปแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกายช่วยทำให้เรามีพลังงาน ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยควบคุมอวัยวะต่างๆของร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ อาหารเป็นปัจจัยสี่ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของคนเรา ซึ่งในแต่ละวัยร่างกายต้องการอาหารในปริมาณและสารอาหารที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ควรให้ได้ทั้งปริมาณทั้งคุณภาพ ปราศจากสารพิษปนเปื้อน ถ้าหากเรามีพฤติกรรมตามใจปาก อีกไม่นานก็จะทำให้เราเป็นโรคภัยไข้เจ็บ และที่สำคัญเราควรรับประทานพืชผักและผลไม้ ควบคู่ไปด้วย เพราะผักและผลไม้เป็นแหล่งสำคัญของวิตามินและแร่ธาตุ รวมทั้งสารอื่นๆ เช่น สารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเนื้อเยื่อและผนังเซลล์ ช่วยชะลอการเสื่อมสลายของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูสดใส ไม่แก่เกินวัย

นอกจากนี้ใยอาหารที่ได้จากการกินผักและผลไม้ยังช่วยในการขับถ่าย พร้อมนำคลอเลสเตอรอลและสารพิษที่ก่อโรคมะเร็งบางชนิดออกจากร่างกาย ทำให้ลดการสะสมของสารเหล่านั้น แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้ ซึ่งการรับประทานก็มีส่วนช่วยในการห่างไกลจากอาการภูมิแพ้ได้ เพียงแค่เราเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายก็จะช่วยได้มากเลยทีเดียว

สำหรับในช่วงนี้ ในหลายพื้นที่มีอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้คนที่เป็นโรคภูมิแพ้มีอาการกำเริบขึ้นมาได้ง่ายๆ เพราะภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายไปสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ และเกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารที่ได้รับมากเกินปกติ ทำให้ร่างกายแสดงอาการต่างๆ ออกมา เช่น ในกรณีของภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ก็จะไอ จาม หอบ หายใจลำบาก และแน่นหน้าอก โดยเฉพาะหากไปอยู่ในที่ที่มีฝุ่นเป็นจำนวนมากอาจจะทำให้อาการกำเริบขึ้นมาได้ ซึ่งโรคภูมิแพ้เป็นโรคที่สร้างความรำคาญให้กับการใช้ชีวิตประจำวันอยู่พอสมควรเพราะเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้เหล่านั้นได้


อาหารที่ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้

1.อาหารที่มีโปรไบโอติกส์

อย่างเช่น โยเกิร์ต กิมจิ เพราะสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและบรรเทาอาการภูมิแพ้ และโปรไบโอติกได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถต้านการอักเสบและการแพ้ได้


2. ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง

เช่น ส้ม สตรอว์เบอร์รี่ แอปเปิ้ล และฝรั่ง เนื่องจากวิตามินซี สามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้ ลดการอักเสบได้ เพราะในวิตามินซีมีสารต้านอนุมูลอิสระ


3.อาหารที่มีแมกนีเซียม

ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อกระบวนการการทำงานของเอนไซม์ในร่างกายส่งผลดีสำหรับการบรรเทาโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะภูมิแพ้เรื้อรังทางเดินหายใจ ส่วนมากพบในอัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ รำข้าวสาลี อะโวคาโด ผักโขม อะโวคาโด ที่ช่วยในการเสริมความแข็งแรงให้กับเลือด ป้องกันความเสื่อมของดวงตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ และยังมีโปรตีนสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น แต่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ เป็นไขมันดี มีประโยชน์ลดไขมันในเลือดได้นั่นเอง


4.ธาตุซีลีเนียม

ที่พบมากในหอมหัวใหญ่ ซึ่งมีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างแอนติบอดี สามารถต้านอนุมูลอิสระที่จะก่อให้เกิดการอักเสบในระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้ นอกจากนี้ หอมหัวใหญ่ยังมีธาตุแมกนีเซียม ธาตุกำมะถัน ช่วยให้เอนไซม์ตับทำงานขับสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม เราควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะทางเราเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ ที่สำคัญเราจะต้องดูแลตัวเองให้มากๆ ดื่มน้ำมากๆ และต้องควรตระหนักถึงความปลอดภัยของสุขภาพร่างกายของเรา ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอยู่ในขณะนี้ นั่นก็คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งถ้าเรามีภูมิคุ้มกันที่ดี แข็งแรง ก็จะช่วยทำให้เราลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หรือลดความเสี่ยงของอาการเจ็บป่วยได้ ดังนั้น เราจะต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้เราห่างไกลจากโรค


13
Doctor At Home: สัตว์กัด แมลงต่อย (Bites and stings)

แมงกะพรุนต่อย หมายถึง การบาดเจ็บที่เกิดจากการสัมผัสถูกแมงกะพรุนที่มีพิษ* โดยส่วนใหญ่เป็นการสัมผัสถูกหนวดพิษ (tentacle)

หนวดพิษแต่ละเส้นจะมีเข็มพิษกระจายอยู่จำนวนมาก เข็มพิษจะบรรจุอยู่ในกระเปาะพิษ (nematocyst) ซึ่งจะมีน้ำพิษบรรจุภายใน และมีท่อนำพิษขดอยู่ โดยมีเข็มพิษอยู่ที่ปลายท่อ เมื่อสัมผัสถูกผิวหนังของผู้บาดเจ็บ หรือเกิดแรงกระทบกระเทือน กระเปาะพิษก็จะถูกกระตุ้นให้ปล่อยพิษ โดยยิงเข็มพิษนำออกไปก่อนเพื่อปักลงไปในผิวหนัง หลังจากนั้นจึงดันเอาท่อนำพิษเข้าสู่ผิวหนังให้ลึกขึ้นอีก แล้วดันน้ำพิษเข้าไปสู่รางกายของผู้บาดเจ็บ ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ขึ้น

การถูกพิษแมงกะพรุน มักเกิดจากการการสัมผัสถูกแมงกะพรุนขณะลงเล่นน้ำ ว่ายน้ำ หรือดำน้ำในทะเล ส่วนน้อยที่อาจเกิดจากการใช้มือเปล่าจับ หรือเดินเท้าเปล่าไปเหยียบถูกหนวดของแมงกะพรุนที่นอนอยู่บนหาดทราย (กระเปาะพิษบนหนวดของแมงกะพรุนที่ตายแล้ว หรือหนวดที่หลุดออกยังสามารถปล่อยพิษกับผู้สัมผัสได้)

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะสัมผัสถูกแมงกะพรุนแท้ (True jellyfish อันเป็นแมงกะพรุนไฟวงศ์ Pelagiidae) ซึ่งพบได้บ่อยที่สุดและมีพิษน้อยกว่าชนิดอื่น ๆ จะมีเพียงอาการปวดแสบปวดร้อน หรือเป็นรอยแดงตามผิวหนัง ซึ่งมักจะหายได้เอง

ส่วนน้อยที่อาจถูกแมงกะพรุนที่มีพิษมาก บางรายอาจทำให้เกิดแผลเรื้อรัง และแผลเป็น

มีน้อยรายที่อาจสัมผัสถูกแมงกะพรุนกล่องที่มีพิษต่อหัวใจและระบบประสาท อาจทำให้เสียชีวิตได้**

ทั้งนี้ อาการรุนแรงมากน้อยขึ้นกับชนิดและขนาดของแมงกะพรุน ขนาดของพื้นผิวที่สัมผัส ระยะเวลาที่สัมผัสพิษ และปริมาณพิษที่ได้รับ

*ข้อมูล : สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง วันที่ 19 เมษายน 2564 จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลแมงกะพรุนพิษ ระหว่างปี พ.ศ. 2553-2564 โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบแมงกะพรุนพิษจำนวน 9 ชนิด ในน่านน้ำไทยทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ซึ่งสามารถจำแนกตามลักษณะความเป็นพิษได้ 5 กลุ่ม เป็นแมงกะพรุนไฟ 2 กลุ่ม และแมงกะพรุนกล่อง (box jellyfish) 3 กลุ่ม ดังนี้

1. แมงกะพรุนไฟวงศ์ Pelagiidae (มีชื่อทั่วไปว่า แมงกะพรุนแท้/True jellyfish) พบจำนวน 2 ชนิด มีรูปร่างคล้ายร่มหรือกระดิ่งคว่ำ มีริ้วขอบร่ม มีลำตัวเป็นสีขาว สีแดงสด สีส้ม หรือหลากหลายสี มีหนวดที่ขอบร่ม (marginal tenacle) เป็นสายยาว และมีหนวดรอบปาก (oral arm) ห้อยย้อยลงมา ทำหน้าที่จับเหยื่อใส่ปาก พบได้ทั่วไปตลอดทั้งปี ทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน

แมงกะพรุนชนิดนี้มีคนสัมผัสถูกบ่อยที่สุด และมีพิษน้อยกว่าชนิดอื่น ๆ มีพิษทำให้บริเวณที่สัมผัสมีอาการปวดแสบปวดร้อน ไม่มีอันตรายร้ายแรง

2. แมงกะพรุนไฟวงศ์ Physaliidae (มีชื่อทั่วไปว่า แมงกะพรุนหัวขวด/Blue bottle jellyfish, แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส/Portuguese man-of-war) พบจำนวน 1 ชนิด มีลำตัวสีฟ้าอมชมพู ม่วง น้ำเงินหรือเขียว ส่วนบนของลำตัวที่ลอยโผล่พ้นน้ำ มีลักษณะเรียวรี ยาว คล้ายหมวกทหารเรือรบของโปรตุเกสในยุคก่อน ที่ขอบด้านบนสุดมีลักษณะเป็นสันย่น มีกลุ่มหนวดยาวสีฟ้าหรือสีม่วงออกมาจากด้านล่างเป็นสายยาวหลายเส้นเป็นพวงห้อยลงในน้ำ

ที่พบในทะเลไทยเป็นชนิด Physalia utriculus (เนื่องจากพบในมหาสมุทรแปซิฟิกและอินเดีย จึงมีชื่อเรียกว่า "แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกสอินโด-แปซิฟิก/Indo-Pacific Portuguese man-of-war") พบในฝั่งอ่าวไทยช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน และฝั่งทะเลอันดามันช่วงเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน

แมงกะพรุนหัวขวดมีพิษร้ายแรงกว่าแมงกะพรุนทั่วไปข้างต้น พิษของแมงกะพรุนหัวขวดมีผลต่อระบบประสาท หัวใจ และผิวหนัง ทำให้บริเวณที่สัมผัสมีอาการปวดแสบปวดร้อน แน่นหน้าอก หายใจลำบาก

3. แมงกะพรุนกล่องวงศ์ Chirodropidae พบจำนวน 3 ชนิด มีรูปร่างเป็นทรงสี่เหลี่ยมคล้ายลูกบาศก์ มีสีฟ้าอ่อนหรือไม่มีสี ลักษณะโปร่งใสจนแทบมองไม่เห็น แต่ละมุมของรูปสี่เหลี่ยมมีลักษณะคล้ายขายื่นออกมา และแต่ละขาจะมีหนวดพิษงอกออกมา ซึ่งมีลักษณะแตกแขนงหลายเส้น (ประมาณ 12-15 เส้น) มีความยาวถึง 3 เมตร พบได้เกือบทุกจังหวัดในพื้นที่อ่าวไทยฝั่งตะวันออก อ่าวไทยตอนกลาง และทะเลอันดามัน (โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดตราด ในช่วงลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และเกาะสมุย เกาะพะงัน ในช่วงลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้)

แมงกะพรุนชนิดนี้มีพิษร้ายแรงที่สุด คือมีพิษรุนแรงต่อระบบประสาท กล้ามเนื้อหัวใจ และการไหลเวียนของเลือดในปอด สามารถทำให้เสียชีวิตได้ แมงกะพรุนกล่องชนิดนี้ มีชื่อเรียกทั่วไปว่า "ต่อทะเล (sea wasp)"

4. แมงกะพรุนกล่องวงศ์ Carukiidae พบจำนวน 2 ชนิด มีรูปร่างเป็นทรงสี่เหลี่ยมคล้ายลูกบาศก์แบบเดียวกับวงศ์ Chirodropidae แต่มีหนวดพิษที่ยื่นออกจากมุมของรูปสี่เหลี่ยมเพียงมุมละเส้นเดียว (ไม่มีแตกแขนง) พบในเกือบทุกพื้นที่ และพบได้เกือบตลอดทั้งปี (โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะสมุย-เกาะพะงัน และทะเลอันดามัน)

มีพิษทำให้บริเวณที่สัมผัสมีอาการปวดอย่างรุนแรง และอาจทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า "กลุ่มอาการอิรูคันจิ (Irukandji syndrome)" เป็นเหตุให้จมน้ำง่าย

5. แมงกะพรุนกล่องวงศ์ Chiropsalmidae พบจำนวน 1 ชนิด มีรูปร่างมีรูปร่างเป็นทรงสี่เหลี่ยมคล้ายลูกบาศก์ และมีหนวดแตกแขนงหลายเส้นแบบเดียวกับวงศ์ Chirodropidae แต่มีจำนวนเส้นน้อยกว่าและสั้นกว่า พบได้ตลอดทั้งปี ในพื้นที่เกาะสมุย-เกาะพะงัน และทะเลอันดามัน

มีพิษทำให้บริเวณที่สัมผัสมีอาการปวดแสบปวดร้อนและเป็นผื่นแดง

ขอบคุณภาพ : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

**จากข้อมูลสถิติการบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตจากแมงกะพรุนกล่อง ของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระหว่างปี พ.ศ. 2542-2564 พบผู้ป่วยเสียชีวิตจำนวน 10 ราย บาดเจ็บรุนแรงจำนวน 36 ราย ในพื้นที่หลายจังหวัดที่อยู่ตามฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน

14
หมอออนไลน์: หัดเยอรมัน (Rubella)

หัดเยอรมัน (Rubella) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส และสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ รวมไปถึงผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัดเยอรมัน ก็สามารถส่งผ่านเชื้อทางกระแสเลือดจากแม่สู่เด็กทารกในครรภ์ได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กทารกได้หลายประการเลยทีเดียว

โดยทั่วไป โรคหัดเยอรมันสามารถติดต่อถึงกันได้ง่ายผ่านทางการการไอ การจาม การสูดเอาเชื้อที่อยู่ในอากาศเข้าสู่ร่างกาย รวมถึงการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสจากผู้ป่วย โรคหัดเยอรมันมีความคล้ายคลึงกับโรคหัด (Measles Rubeola) ซึ่งมักทำให้เกิดผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย ไข้ขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต แต่โรคหัดเยอรมันเป็นการติดเชื้อไวรัสคนละชนิดกัน และมักมีความรุนแรงของโรคน้อยกว่า

อาการของหัดเยอรมัน

อาการของหัดเยอรมันที่สามารถสังเกตเห็นได้ในช่วงแรกค่อนข้างมีอาการคล้ายกับการติดเชื้อไวรัสทั่วไป ซึ่งหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1–2 วัน ผู้ป่วยมักจะเริ่มมีอาการดังนี้

    มีไข้ต่ำถึงปานกลาง ประมาณ 37.2–37.8 องศาเซลเซียส
    ต่อมน้ำเหลืองโต โดยเฉพาะบริเวณคอ ท้ายทอย และหลังหู
    มีตุ่มนูนหรือผื่นแดงขึ้นกระจายตัวบริเวณใบหน้าก่อนจะลามไปยังผิวหนังส่วนอื่น เช่น แขน ขา และจะค่อย ๆ หายไปภายใน 3 วัน โดยไม่ค่อยทิ้งรอยแผลจากผื่นไว้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคันตามผิวหนังร่วมด้วย

อาการอื่น ๆ ที่สามารถพบได้ทั่วไป โดยมักเกิดขึ้นกับวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ เช่น

    ปวดศีรษะ
    คัดจมูก น้ำมูกไหล
    ไม่อยากอาหาร
    เยื่อบุตาอักเสบ ทำให้ตาแดง
    ปวดข้อ ข้อต่อบวม
    ต่อมน้ำเหลืองตามร่างกายมีอาการบวม

ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือไม่มีอาการของโรคก็ได้เช่นกัน และอาการของโรคที่เกิดในเด็กมักจะร้ายแรงน้อยกว่าอาการที่เกิดขึ้นในผู้ใหญ่ที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค อย่างไรก็ตาม อาการของโรคจะคงอยู่แค่ประมาณ 2–3 วัน ยกเว้นในกรณีที่ต่อมน้ำเหลืองมีอาการบวมอาจคงอยู่นานหลายสัปดาห์ ดังนั้น หากพบอาการข้างต้นเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์

สาเหตุของหัดเยอรมัน

โรคหัดเยอรมันเกิดจากการติดเชื้อไวรัสชื่อรูเบลลา ไวรัส (Rubella Virus) ที่อยู่ในน้ำมูกหรือน้ำลายของผู้ป่วย ซึ่งสามารถแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้ง่ายโดยการไอ การจาม การสูดเอาเชื้อที่อยู่ในอากาศเข้าสู่ร่างกาย รวมถึงการใช้สิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสจากผู้ป่วย นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์สามารถส่งผ่านเชื้อให้แก่ทารกในครรภ์ผ่านทางกระแสเลือดได้ด้วย

ระยะการฟักตัวของโรคหัดเยอรมันจะอยู่ในช่วง 14–23 วัน โดยเฉลี่ยประมาณ 16–18 วัน ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ตั้งแต่มีเชื้อในร่างกายแม้จะไม่มีอาการแสดงออกมา ไปจนถึงหลังอาการผื่นขึ้นตามร่างกายหายไปประมาณ 2–3 สัปดาห์เลยทีเดียว
การวินิจฉัยหัดเยอรมัน

หากแพทย์สงสัยว่าผู้ป่วยมีการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหัดเยอรมัน ในเบื้องต้นจะมีการสอบถามข้อมูลทั่วไป เช่น อาการผิดปกติที่เกิดขึ้น ประวัติการติดต่อกับผู้ป่วยโรคนี้หรือผู้ที่มีผื่นขึ้น และตรวจตามร่างกายว่ามีผื่นขึ้นหรือไม่ จากนั้นจะมีการตรวจน้ำลายและการตรวจเลือด เพื่อช่วยยืนยันผลการติดเชื้ออีกครั้ง โดยรายละเอียดการตรวจน้ำลายและการตรวจเลือด มีดังนี้

การตรวจน้ำลายและการตรวจเลือด (Saliva & Blood Test)

แพทย์จะตรวจหาสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดี (Antibodies) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อมีเชื้อโรค สารพิษ หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย โดยแพทย์จะเก็บตัวอย่างน้ำลายภายในช่องปากหรือตัวอย่างเลือดของผู้ป่วย แล้วนำไปตรวจหาสารภูมิต้านทานจำเพาะต่อโรคหัดเยอรมัน ได้แก่ สารภูมิต้านทานชนิดเอ็ม (IgM Antibody) และสารภูมิต้านทานชนิดจี (IgG Antibody)

การตรวจหาสารภูมิต้านทานจำเป็นต้องได้รับการตรวจ 2 ครั้ง โดยตรวจครั้งแรกเมื่อมีอาการ และตรวจอีกครั้งหลังจากการตรวจครั้งแรกประมาณ 2–3 สัปดาห์ ซึ่งผลการตรวจหาสารภูมิต้านทานจะแตกต่างกันออกไป และสามารถวินิจฉัยโรคได้ดังนี้

    หากตรวจไม่พบสารภูมิต้านทานชนิดจี แสดงว่าบุคคลนั้นมีแนวโน้มว่าไม่เคยได้รับเชื้อไวรัสหรือเคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันแต่ไม่สามารถป้องกันเชื้อได้
    หากตรวจพบสารภูมิต้านทานชนิดจี แต่ไม่พบสารภูมิต้านทานชนิดเอ็ม แสดงว่าผู้ป่วยเคยติดเชื้อไวรัสหรือเคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันมาก่อน
    หากตรวจพบสารภูมิต้านทานชนิดเอ็ม โดยอาจพบสารภูมิต้านทานชนิดจีหรือไม่พบก็ได้ แสดงว่าเกิดการติดเชื้อไวรัสขึ้นมาใหม่ ซึ่งระดับของโปรตีนชนิดนี้จะเพิ่มมากขึ้นในระยะเวลา 7–10 วันหลังการติดเชื้อ และจะค่อย ๆ ลดระดับลง
    ในกรณีที่ตรวจไม่พบสารภูมิต้านทานชนิดใดเลย แสดงว่ายังไม่เคยเกิดการติดเชื้อและยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันมาก่อนเช่นกัน ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคขึ้นได้ในอนาคตหากได้รับเชื้อ
    สำหรับทารกแรกเกิด หากตรวจพบสารภูมิต้านทานชนิดเอ็ม แสดงว่าได้รับเชื้อในขณะที่มารดากำลังตั้งครรภ์

การรักษาหัดเยอรมัน

โรคหัดเยอรมันมักมีอาการไม่รุนแรงและจะดีขึ้นเองภายใน 7–10 วัน การรักษาโรคไม่มีวิธีที่เฉพาะเจาะจง แต่จะเน้นรักษาตามอาการเป็นหลัก โดยแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองที่บ้านเพื่อช่วยบรรเทาอาการ เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและบรรเทาอาการไอ หลีกเลี่ยงในการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ และควรหยุดเรียนหรือหยุดทำงานสักระยะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

หากมีไข้สูงแพทย์จะแนะนำให้รับประทานยาในกลุ่มยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) หรือยาไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) เพื่อช่วยลดไข้ บรรเทาอาการปวดหัว และอาการปวดเมื่อยเนื้อตัว แต่ผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาแอสไพริน (Aspirin) หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา และหากไข้ยังไม่ลดอาจเช็ดตัวเพื่อช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายร่วมด้วย

หากผู้ป่วยกำลังตั้งครรภ์ แพทย์อาจรักษาด้วยการให้สารภูมิต้านทานที่ชื่อว่าไฮเปอร์ฮีมูน กลอบูลิน (Hyperimmune Globullin) เพื่อต้านเชื้อไวรัสและบรรเทาอาการของโรคให้ดีขึ้น แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่ทารกจะได้รับเชื้อจากมารดาได้ จึงอาจต้องมีการพบแพทย์เป็นระยะควบคู่ไปด้วย

ภาวะแทรกซ้อนของหัดเยอรมัน

โรคหัดเยอรมันไม่ค่อยพบภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เนื่องจากผู้ที่เคยป่วยเป็นโรคหัดเยอรมันแล้วหรือได้รับการฉีดวัคซีนหัด–หัดเยอรมัน–คางทูม (Measles–Mumps–Rubella: MMR) จะทำให้มีภูมิต้านทานโรคนี้ไปตลอดชีวิต

แต่ในบางรายก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ เช่น โรคข้ออักเสบที่นิ้ว ข้อมือ และหัวเข่าที่พบเฉพาะในเพศหญิง การติดเชื้อที่หูจนกลายเป็นหูน้ำหนวก การอักเสบของสมองจนพัฒนาเป็นโรคไข้สมองอักเสบ หรือโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิดในทารกเมื่อมารดาติดเชื้อในขณะตั้งครรภ์

โรคหัดเยอรมันแต่กำเนิด (Congenital Rubella Syndrome)

หากทารกได้รับเชื้อหัดเยอรมันจากมารดาผ่านทางกระแสเลือด อาจทำให้ทารกที่คลอดออกมาเกิดความผิดปกติทางร่างกาย เช่น พัฒนาการช้า มีความความบกพร่องทางสติปัญญา หูหนวก เป็นโรคต้อกระจกหรือโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด การทำงานของตับ ม้ามและไขกระดูกมีปัญหา ขนาดศีรษะเล็ก และสมองไม่พัฒนา

ในบางรายอาจมีการพัฒนาความผิดปกติในตอนโตขึ้น เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 1 ภาวะต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนออกมากว่าปกติหรือน้อยผิดปกติ อาการสมองบวมจนอาจทำให้สูญเสียการควบคุมร่างกาย นอกจากนี้ ทารกจะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิดเพิ่มมากขึ้น หากเกิดการติดเชื้อในขณะที่อายุครรภ์น้อย โดยเฉพาะในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ดังนี้

    การติดเชื้อในช่วง 10 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ทารกมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิดสูงถึง 90% และมักจะเกิดความผิดปกติในการทำงานหลายส่วนของร่างกาย
    การติดเชื้อในช่วงสัปดาห์ที่ 11–16 ของการตั้งครรภ์ ทารกมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิดลดลงมาอยู่ที่ 10–20% และแนวโน้มในการเกิดความผิดปกติน้อยลง
    การติดเชื้อในช่วงสัปดาห์ที่ 17–20 ของการตั้งครรภ์ ทารกมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิดค่อนข้างน้อย และมีรายงานพบเพียงแค่เกิดอาการหูหนวกเท่านั้น
    การติดเชื้อเกิดหลังสัปดาห์ที่ 20 ของการตั้งครรภ์เป็นต้นไป ทารกจะไม่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัดเยอรมันแต่กำเนิด

การป้องกันหัดเยอรมัน

โรคหัดเยอรมันสามารถป้องกันได้ด้วยการหลีกเลี่ยงในการคลุกคลีกับผู้ป่วย ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อ และควรมีการฉีดวัคซีนหัด–หัดเยอรมัน–คางทูม หรือเรียกสั้น ๆ ว่าวัคซีนรวมเอ็มเอ็มอาร์ (MMR) ตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งการฉีดวัคซีนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในบางราย เช่น อาการบวมแดงหรือระบมบริเวณที่ฉีด มีไข้ต่ำ ปวดตามข้อ แต่ส่วนใหญ่ไม่อันตรายและอาการจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน

การฉีดวัคซีนรวมเอ็มเอ็มอาร์จะฉีดทั้งหมด 2 เข็ม โดยเริ่มฉีดเข็มแรกเมื่อเด็กมีอายุระหว่าง 9–12 เดือน และฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่อเด็กอายุ 2 ปี 6 เดือน แต่ในบางรายที่มีความเสี่ยงสูง เช่น อยู่ในพื้นที่มีการระบาดของโรค สัมผัสกับโรค หรือต้องเดินทางไปต่างประเทศ

แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนเร็วขึ้นภายในช่วง 6 เดือนแรก และฉีดเข็มที่ 2 ภายในอายุ 2 ปี 6 เดือน แต่ควรเว้นระยะห่างจากเข็มแรกประมาณ 3 เดือน

ผู้ที่วางแผนจะมีบุตรควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันอย่างน้อย 1 เดือนก่อนการตั้งครรภ์ แต่หากไม่ได้รับวัคซีนก่อนการตั้งครรภ์ควรได้รับทดแทนหลังคลอด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคเมื่อเกิดการตั้งครรภ์ในครั้งต่อไป และเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดกับทารกในครรภ์ สำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ควรเข้ารับการตรวจเลือดหรือระบบภูมิคุ้มกันตามนัดฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเฝ้าระวังความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น

แม้ว่าวัคซีนจะเป็นการป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่บุคคลบางกลุ่มควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีน เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายขึ้นได้ เช่น ผู้ที่มีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มนีโอมัยซิน (Neomycin) แพ้เจลาติน (Gelatin) ผู้ป่วยโรคมะเร็ง และผู้ที่มีความผิดปกติของเลือด หรืออยู่ในช่วงการรับประทานยาบางชนิดที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

15
เที่ยววัดละหารไร่ ที่เที่ยวระยอง วัดดัง ใกล้กรุงเทพ ไหว้ขอพร หลวงปู่ทิม อิสริโก

วัดละหารไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่เป็นวัดของ หลวงปู่ทิม อิสริโก อดีตเจ้าอาวาสผู้เป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งภาคตะวันออก


ผู้คนจำนวนมากเดินทางมายังวัดละหารไร่เพื่อสักการะรูปเหมือนของหลวงปู่ทิม และขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลในด้านต่างๆ เช่น

เมตตามหานิยม: เชื่อกันว่าจะช่วยให้ผู้คนรักใคร่เอ็นดู และเจรจาค้าขายคล่องตัว

โชคลาภ: ขอพรให้มีโชคลาภ วาสนา และความสำเร็จในชีวิต


ภายในวัดยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆ ให้เยี่ยมชม เช่น

รูปหล่อหลวงปู่ทิมขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดระยอง: มีหน้าตักกว้างถึง 12 เมตร

หอระฆัง: มีลวดลายที่สวยงามวิจิตร

พระพิฆเนศปางย่างก้าว: ผู้คนนิยมมาขอพรเรื่องความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน


หากคุณต้องการเดินทางไปวัดละหารไร่เพื่อทำบุญและสักการะหลวงปู่ทิม สามารถเดินทางไปได้ทุกวัน โดยปกติแล้ววัดจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08:00 - 17:00 น.

หน้า: [1] 2 3 ... 55